What sustainability mean to us?


What sustainability
mean to us?

ที่ Fjallraven เราให้ความสำคัญกับ “ความยั่งยืน” เป็นอย่างสูง ถึงแม้ว่าจะมีความซับซ้อนในกระบวนการผลิตมากกว่า แต่การรักษาความสมดุลย์ที่ดีในวันนี้ เพื่อส่งถึงผลลัพธ์ในอนาคต

 

ในเมื่อธรรมชาติคือเบื้องหลังของแรงพลักดันให้เราเริ่มต้นสร้างสิ่งใหม่ ดังนั้นสิ่งใหม่ที่เราได้สร้างขึ้นจึงไม่ควรที่จะเป็นส่วนหนึ่งของการทำลายสิ่งเดิมที่มีอยู่แล้ว

ในวันนี้แบรนด์ Fjällräven อยู่ในฐานะแบรนด์ชั้นนำระดับโลก ที่ใส่ใจในผลกระทบจากการผลิตอยู่เสมอ ยิ่งกว่านั้นเราคือผลผลิตของความฝันของคนหนึ่งคน นั่นคือ Åke Nordin (โอเกีย นอร์ดีน) ผู้ก่อตั้งแบรนด์ Fjallraven เขาต้องการเปิดเผยให้โลกเห็นถึงความสวยงามของการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ในช่วงปี 1960 เขาจึงเริ่มผลิตเป้เดินป่า Backpack Lätt ขึ้นด้วยโครง Aluminium ที่มีคุณสมบัติเบาและแข็งแรง จากนั้นเขาเริ่มมีความคิดเกี่ยวกับหลักการเรื่องความยั่งยืน ทำให้หลักการออกแบบของเขาได้เปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง

The business of longevity
ธุรกิจที่ยืนยง

สิ่งหนึ่งที่สำคัญและเราใส่ใจเป็นอันดับแรก คือ เรื่องการใช้งานที่ยาวนานของผลิตภัณฑ์ ไม่ว่าจะเป็นวัสดุที่ทนทาน, ฟังก์ชั่นที่ตรงกับการใช้งาน และการออกแบบความร่วมสมัย ซึ่งบางครั้งอาจร่วมสิบปี หรือรุ่นสู่รุ่น กล่าวคือ การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ยาวนานจะมีผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยกว่าการซื้อผลิตภัณฑ์ใหม่อยู่เรื่อยๆ นั่นเอง

แต่อย่างไรก็ตามต้องยอมรับว่า แม้ว่าผลิตภัณฑ์ของเราจะทนทานมากขนาดไหน ในความเป็นจริง เรายังคงต้องผลิตอุปกรณ์ชิ้นใหม่ๆ อยู่เรื่อยๆ

สำหรับแบรนด์ Fjällräven ที่กำลังเป็นที่รู้จักในวงกว้างมากขึ้น เราต้องตอบคำถามของผู้เห็นต่างมากมาย หนึ่งในคำถามเหล่านั้นคือ “ในฐานะที่เป็นบริษัทผลิตสินค้าและอุปกรณ์ คุณมีขั้นตอนการอนุรักษ์ธรรมชาติอย่างไร ในขณะที่ต้องผลิตสินค้าใหม่ๆ อยู่ตลอด” และหนึ่งในคำตอบของเราคือ “การมุ่งพัฒนาความยั่งยืน (Sustainable Development) ในขั้นตอนการผลิตของเรา”

Balancing today and tomorrow
สมดุลยภาคของปัจจุบันและอนาคต

องค์การสหประชาชาติกำหนดไว้ว่า “Sustainability Development” คือการพัฒนาความยั่งยืนบนพื้นฐานความต้องการ ณ ปัจจุบัน โดยไม่ส่งผลกระทบต่อความต้องการในอนาคต และถึงแม้ว่าข้อกำหนดจะถูกมัดรวมกันไว้อย่างนั้น แต่เราก็ยังมุ่งหน้าสู่เป้าหมายที่วาดไว้โดยคำนึงถึงการบริโภคทรัพยากรในกระบวนการผลิต

กล่าวอีกนัยหนึ่งคือ เราต้องการที่จะเป็นบริษัทที่มีความสิ้นเปลืองเป็นศูนย์ (Zero-waste) และพยายามให้เกิดผลกระทบกับสิ่งแวดล้อมจากกระบวนการผลิตของเราให้น้อยที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการคำนวนปริมาณการปล่อยมลพิษ, การใช้สารเคมี, การเลือกวัตถุดิบ และพลังงานที่สูญเสียต่อการผลิตแต่ล่ะชิ้น หรือแม้กระทั่งผลกระทบต่อธรรมชาติระหว่างการใช้งาน

ลองมาดูรายละเอียดการทำงานในโปรเจ็ค “ภารกิจไร้มลพิษ (PFC-free), ในปี ค.ศ. 2015 เราตัดสินใจที่จะยกเลิกการก่อให้เกิดสาร PFC ในทุกกระบวนการผลิต ของในทุกผลิตภัณฑ์ของ Fjällräven และสามารถบันทึกความสำเร็จแรกด้วย การผลิตเสื้อแจ๊คเก็ตกันฝน Keb Eco-Shell Jacket ปัจจุบันนี้ ทุกการผลิตของเสื้อชั้นนอก เช่น High Coast Hydratic Trail Jacket และ Vardag Hydratic Anorak ก็ปราศจากการก่อให้เกิดสาร PFC (PFC-free) ในขั้นตอนการผลิตสารเคลือบกันน้ำเช่นกัน

คุณยังสามารถเห็นได้จากเสื้อฟลีซรุ่นล่าสุด Abisko Lite Fleece Jacket หรือ Abisko Lite Half Zip เสื้อทั้งสองรุ่นผลิตจากเส้นใยที่ผ่านการรีไซเคิลแล้ว 100% และใช้เทคนิคการย้อมแบบแปลผันทำให้ไม่เหลือน้ำทิ้ง ทั้งยังไม่ปล่อยน้ำเสียในขั้นตอนการผลิตนี้อีกด้วย

Natural or synthetic?
ระหว่างเส้นใยธรรมชาติ หรือเส้นใยสังเคราะห์ ชนิดใดดีกว่ากัน?

หากตอบแบบสั้นๆ คือ “ก็แล้วแต่ความเหมาะสม!”

แต่ถ้าจะตอบให้เข้าใจขึ้นมาอีกหน่อย คือ เราเลือกเส้นใยที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน สำหรับเส้นใยสังเคราะห์ เช่น ไนลอน (Nylon) หรือ โพลีเอสเตอร์ (Polyester) เหมาะสำหรับการใช้งานเป็นเสื้อผ้าเอ้าท์ดอร์ เพราะมีคุณสมบัติเบา, แห้งเร็ว, สวมใส่สบาย และดูแลรักษาง่าย อย่างไรก็แล้วแต่ เส้นใยเหล่านี้ผลิตขึ้นจากน้ำมัน แต่เพื่อบรรเทาผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม ปัจจุบันเราเลือกใช้เส้นใยสังเคราะห์ที่ผ่านกระบวนรีไซเคิ้ลแล้ว หรือ ก่อนหน้านี้เราใช้เนื้อผ้า G-1000 ที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 65% และเส้นใยคอตตอน 35% ปัจจุบันเราปรับมาใช้เนื้อผ้า G-1000 Eco แทน ซึ่งผลิตจากเส้นใย Recycled Polyester ร่วมกับ Organic Cotton

เป้าหมายต่อไปคือ ให้ความสำคัญกับวัตถุดิบที่ตอบโจทย์ความยั่งยืน แทนที่จะใช้เส้นใยรีไซเคิลเพียงอย่างเดียว โดยการมองหาแหล่งวัตถุดิบที่กว้างมากขึ้น และการคิดค้นสิ่งใหม่ๆ ยกตัวอย่างเช่น เราพัฒนาวัสดุผสม (Bio-based material) ที่เรียกว่า Pine Weave ซึ่งผลิตจากไม้ที่ผ่านการรับรองจาก Sweden อีกหนึ่งตัวอย่างในปี ค.ศ. 2014 คือโปรเจค The Fjälläven Down Promise โปรเจคคัดเลือกวัสดุขนห่านจากแหล่งที่มาที่มีคุณภาพ และโปรเจคขนแกะ ที่ต้องมาจากฟาร์มที่ให้ความสำคัญเรื่องสวัสดิภาพของสัตว์ ทั้งในด้านสภาพแวดล้อมและความเป็นอยู่ที่ดี

Minimal footprint for maximum impact
ผลกระทบที่น้อยนิด เพื่อผลประโยชน์ในวงกว้าง

ท้ายที่สุด การมุ่งพัฒนาความยั่งยืน (Sustainable Development) คือการรักษาความสมดุลย์ ที่มีเพียงแค่เส้นบางๆ ระหว่างวันนี้และพรุ่งนี้ ในระหว่างที่เราผลิตอุปกรณ์เพื่อความสบายของคุณในการใช้ชีวิตกลางแจ้ง ขณะเดียวกันเราก็พยายามทำให้ชนรุ่นหลังได้มีโอกาสสัมผัสกับความสวยงามของธรรมชาติในแบบเดียวกับที่เราเคยได้สัมผัส

สำหรับเรา “ความยั่งยืน” คือการรักษาสมดุลย์